การรังวัด การระวังแนวเขตรังวัดและการคัดค้านการรังวัดแนวเขตที่ดิน

ผู้มีสิทธิในที่ดินที่มีความประสงค์จะขอตรวจสอบแนวเขตที่ดินตามโฉนดที่ดินของตนเอง สามารถยื่นคำขอพร้อมด้วยโฉนดที่ดินที่ต้องการสอบแนวเขตที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินเพื่อให้ดำเนินการรังวัดสอบแนวเขตที่ดินของตนเองได้

ในการรังวัดสอบแนวเขตที่ดินนั้น หากปรากฎว่าการครอบครองที่ดินไม่ตรงกับแผนที่หรือเนื้อที่ในโฉนดที่ดิน เมื่อผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงรับรองแนวเขตแล้ว เจ้าพนักงานที่ดินมีอำนาจแก้ไขแผนที่หรือเนื้อที่ให้ตรงกับความเป็นจริงได้ ยกเว้นกรณีที่เป็นการสมยอมกันของเจ้าของที่ดินทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมาย แต่โดยทั่วไปแล้วหากเจ้าของที่ดินข้างเคียงเสียประโยชน์ เช่น การรังวัดแนวเขตเข้ามาในพื้นที่ซึ่งตนเองทำประโยชน์ เจ้าของที่ดินข้างเคียงคงไม่ยินยอมและรับรองแนวเขตตามที่รังวัด และอาจมีการคัดค้านการรังวัดแนวเขตที่ดินดังกล่าว

กรณีที่ไม่สามารถติดต่อผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงให้มาระวังแนวเขตที่ดินได้ หรือได้รับการติดต่อจากเจ้าพนักงานที่ดินให้มาระวังแนวเขตที่ดินแล้วแต่ไม่มา หรือมาแต่ไม่ยินยอมลงชื่อรับร้องแนวเขตที่ดินโดยไม่ได้คัดค้านการรังวัด เจ้าพนักงานที่ดินจะแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงมาลงชื่อรับรองแนวเขตหรือคัดค้านภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ หากผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาดังกล่าวและผู้ขอรังวัดให้คำรับรองว่าไม่ได้นำทำการรังวัดรุกล้ำที่ดินข้างเคียงและยินยอมให้แก้ไขแผนที่หรือเนื้อที่ให้ตรงกับความเป็นจริง เจ้าพนักงานที่ดินสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องมีการรับรองแนวเขตที่ดิน

หากผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงคัดค้านการรังวัดสอบแนวเขตที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจะทำการสอบสวนไกล่เกลี่ยโดยถือหลักฐานแผนที่เป็นหลักฐานในการพิจารณา และหากทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันไม่ได้ เจ้าพนักงานที่ดินจะแจ้งให้คู่กรณีไปฟ้องต่อศาลภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง ถ้าไม่มีการฟ้องภายในกำหนดเวลา ให้ถือว่าผู้ขอรังวัดแนวเขตที่ดินไม่ประสงค์จะสอบแนวเขตที่ดินนั้นต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม การที่ผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงไม่มาระวังแนวเขตที่ดินและไม่ได้มีการคัดค้านในภาย 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือจากเจ้าพนักงานที่ดิน ก็ไม่ทำให้ผู้มีสิทธิในที่ดินดังกล่าวเสียกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเองที่ถูกรังวัดรุกล้ำแต่อยางใด เพียงแต่เป็นการก่อให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้นและเป็นการโต้แย้งสิทธิของตนเอง ซึ่งผู้ถูกโด้แย้งสิทธิมีสิทธิที่จะดำเนินการตามกฎหมายอื่นๆ เพื่อป้องกันความเสียหายที่ขึ้นแก่ตนเอง การที่จะเสียกรรมสิทธิ์ย่อมต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย เช่น ไม่มีการโต้แย้งสิทธิของตนเองและผู้รุกล้ำได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินนั้นจนล่วงเลยมาเกิน 10 ปี จนได้กรรมสิทธิในที่ดินโดยการครอบครองปรปักษ์